สิ่งแวดล้อมการเรียนรู้ (Learning Environment)
Jon Wiles (2009: 56 - 57) สรุปว่า
สิ่งแวดล้อมการเรียนรู้ (Learning Environment) หมายถึง
สภาวะแวดล้อมที่ อยู่รอบๆ ตัวผู้เรียน ทั้งที่เป็นรูปธรรมและนามธรรม
ในด้านรูปธรรมเป็นสภาพแวดล้อมทาง กายภาพ ได้แก่สภาพแวดล้อมในห้องเรียน เช่นขนาด
การวางผัง แสง ที่นั่ง ส่วนสภาพแวดล้อมภายนอก ห้องเรียน เช่น
ห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์หรือทางภาษา โดยสามารถใช้อาคารในการจัด พื้นที่และสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการจัดการเรียนรู้โดยเฉพาะ
จัดสื่อที่หลากหลาย สําหรับนักเรียนแต่ละคน และเป็นสื่อ
บูรณาการสะดวกเหมาะสมกับหลักสูตร เป็นศูนย์การเรียนรู้สื่อประสม เป็นต้น
สภาพแวดล้อม ที่เป็นนามธรรม ได้แก่ การจัดการเรียนการสอน สภาพแวดล้อมทางจิตใจหรือบรรยากาศทางจิตใจ
ส่งผลต่อ ผู้เรียนทั้งทางบวกและทางลบ
ตลอดจนมีผลกระทบต่อประสิทธิภาพและประสิทธิผลการเรียนรู้ของผู้เรียนได้
โดยสรุปสิ่งแวดล้อมการเรียนรู้ (Learning Environment) เกี่ยวข้องโดยตรงกับ
การจัดการเรียนรู้และการ จัดการชั้นเรียนเพื่อให้ผู้เรียนบรรลุผลการเรียนรู้
คือมีความรู้ สมรรถนะ และคุณลักษณะที่พึงประสงค์
Bob Pearlman (http://go.solution-tree.com/2lstcenturyskills
อ้างถึงใน นฤมล ปภัสสรานนท์ 2558: 67-68) ได้นําเสนอบทความเกี่ยวกับการออกแบบสิ่งแวดล้อมการเรียนรู้เพื่อสนับสนุนทักษะใน
ศตวรรษที่ 21 โดยตั้งคําถามว่า"ความรู้และทักษะอะไรบ้างที่จําเป็นสําหรับ
นักเรียนในศตวรรษที่ 21” และ
ควรตอบคําถามตามประเด็นคําถามต่อไปนี้
- อะไร คือ หลักสูตร การเรียนการสอน
และกิจกรรมที่ส่งเสริมการเรียนรู้ ในศตวรรษที่ 21
- สิ่งที่ใช้
ประเมินผลการเรียนรู้ทั้งระดับโรงเรียน และระดับชาติ เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ของ
นักเรียน การมีส่วนร่วมของนักเรียน และการบริหารตนเอง
- เทคโนโลยีจะสามารถสนับสนุนการเรียนการสอน
หลักสูตรและการประเมินผลของศตวรรษ ที่ 21 เพื่อสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ร่วมกันได้อย่างไร
- อะไร คือ สภาพแวดล้อมการเรียนรู้ทางกายภาพ
(ห้องเรียน โรงเรียนและโลกแห่งความจริง) ที่
ส่งเสริมให้นักเรียนเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21
จากการศึกษาสิ่งแวดล้อมการเรียนรู้ในศตวรรษที่
21 (21st Century Learning
Environments) จาก เว็บไซด์ http://www.21stcenturyskills.org/route21/
ได้นําเสนอสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ไว้ว่า คือ ระบบสนับสนุนที่จัดสรร
เพื่อให้มนุษย์เกิดการเรียนรู้ที่ดีที่สุด เป็นระบบที่รองรับความต้องการ เพื่อ
การเรียนรู้ที่เป็นเอกลักษณ์ของผู้เรียนทุกคนและสนับสนุนความสัมพันธ์กับมนุษย์ในทางที่เป็นประโยชน์
เพื่อการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ สภาพแวดล้อมการเรียนรู้ เป็นการรวมเอาโครงสร้าง
เครื่องมือและชุมชนที่ สร้างแรงบันดาลใจให้นักเรียนและนักการศึกษา
เพื่อที่จะบรรลุความรู้และทักษะในศตวรรษที่ 21 นี้ ตาม
ความต้องการของทุกคน สภาพแวดล้อมการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 จะเป็นระบบ
ที่สอดคล้องกันได้อย่างลง ตัว คือ
- สร้างข้อปฏิบัติเพื่อการเรียนรู้
ให้การสนับสนุนจากผู้คนโดยรอบและสภาพแวดล้อมทาง
กายภาพที่จะให้การสนับสนุนการเรียนการสอนและการเรียนรู้
เพื่อให้ได้ผลเชิงทักษะในศตวรรษที่ 21
- สนับสนุน ชุมชน การเรียนรู้ระดับ
มืออาชีพที่ช่วยให้ นักการศึกษา ทํางานร่วมกันแบ่งปันวิธี
ปฏิบัติที่ดีที่สุดและบูรณาการทักษะในศตวรรษที่ 21 ไปสู่การปฏิบัติในห้องเรียน
- ช่วยให้นักเรียนได้เรียนรู้ใน บริบทของ
ศตวรรษที่ 21 (เช่นผ่านโครงการหรืองานอื่น ๆ ที่ นําไปใช้
- ช่วยให้เข้าถึง
เครื่องมือการเรียนรู้ที่มีคุณภาพเทคโนโลยีและทรัพยากร
- จัดสรร ให้ การออกแบบ
เชิงสถาปัตยกรรมและการตกแต่งภายในศตวรรษที่ 21 สําหรับการเรียนรู้แบบกลุ่ม,
ทีมงานและของแต่ละบุคคล
- รองรับ ชุมชนที่มี
การขยายตัวและการมีส่วนร่วมระหว่างประเทศในการเรียนรู้ทั้ง การเรียน แบบเผชิญหน้า face
to face และ ออนไลน์
กลวิธีการสอนที่มีประสิทธิภาพ
(Classroom Instruction
That works)
Marrano (2012) ได้เสนอกลวิธีการสอนที่มีประสิทธิภาพ
ประกอบด้วย 3 ส่วน คือ
1. การสร้างสิ่งแวดล้อมการเรียนรู้ (Creating
the Environment for Learning)
2. การช่วยให้ผู้เรียนพัฒนาความรู้ความเข้าใจ (Helping
students Develop Understanding)
3. การช่วยให้ผู้เรียนให้ขยายและนําความรู้ไปใช้
(Helping students Extend and Apply Knowledge)
กลวิธีที่ 1 เป็นพื้นฐานสําคัญ
เมื่อผู้สอนสร้างสิ่งแวดล้อมการเรียนรู้ จะทําให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้
อย่างมีความหมาย โดยการให้ข้อมูลย้อนกลับ (Feedback) เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้เรียน
แลกเปลี่ยนเรียนรู้ พัฒนาทักษะการเรียนรู้ร่วมกับผู้อื่น
ตลอดจนการติดตามและพัฒนาความรู้ของตนเอง
กลวิธีที่ 2 เป็นการช่วยผู้เรียนในการพัฒนาความรู้ความเข้าใจ
จัดการกับความรู้ จัดลําดับและ เชื่อมโยงความรู้เก่ากับความรู้ใหม่
ตรวจสอบความรู้และสร้างมโนทัศน์ (Concept) ที่ถูกต้อง
ซึ่งกระบวนการบูรณาการและเรียนรู้กระบวนการในแต่ละประเภทของความรู้จะเกี่ยวข้องกับ
1)การสร้างขั้นตอนที่จำเป็นในแต่ละกระบวนการหรือทักษะ 2)
พัฒนามโนทัศน์และความเข้าใจในกระบวนการและการปฏิบัติอย่างหลากหลาย 3)
ปฏิบัติตามทักษะที่พัฒนาขึ้นอย่างเป็นประจํา
กลวิธีที่ 3 คือ
ช่วยผู้เรียนขยายและประยุกต์ใช้ความรู้
เป็นการช่วยให้ผู้เรียนได้ความรู้มากกว่าคําตอบที่ถูกต้อง (right answer) โดยให้ผู้เรียนได้เกิดการเรียนรู้ ขยายขอบข่ายความรู้
โดยประยุกต์ใช้ความรู้ ในชีวิตจริงเป็นบริบทแห่งความเป็นจริง (Real-world
Contexts) มีความเป็นเหตุเป็นผล จึงเป็นการเรียนรู้อย่างมีความหมาย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น